10 ความเข้าใจผิดเรื่องเงิน ที่ทำลายชีวิตแต่งงาน
1. ไม่ค่อยพูดคุยเรื่อง “เงิน” บ้างครั้งเรื่อง “เงิน” ก็อ่อนไหวเกินกว่าจะเข้าใจ แต่เดี๋ยวก่อนถ้าเรามั่วแต่เกรงใจ ปากหนักไม่ยอมเปิดอกคุยเรื่องเงินแล้วละก็ อาจสร้างปัญหาใหญ่ ๆ ตามมาโดยไม่รู้ตัว วิธีการที่ง่ายที่สุดคือ ทุกคู่รักควรตั้งตัวเลขร่วมกันว่า ถ้าสินค้าหรือบริการไหนมีวงเงินเกินมากกว่า x,xxx บาท จะต้องมาปรึกษาหารือกันก่อนควักกระเป๋าเงิน หรือไม่บางครั้งอาจจะใช้วิธีการหาเวลามาคุยกัน อาจเดือนละครั้ง หรือครึ่งปีครั้ง ก็ได้ แล้วแต่ว่าคู่เราจะเหมาะสมแบบไหน
2. คิดว่า “ใช้เงินซื้อความรักได้” ถ้าคิดว่าแหวนเพชรวงใหม่ รถหรูจะช่วยให้ชีวิตแต่งงานขึ้นละก็…คิดใหม่…เพราะจากการศึกษาของ Brigham Young University พบว่าหญิง -ชาย ต่างเป็นคนประเภทวัตถุนิยม จะมี ชีวีตคู่แย่ กว่าคนที่ไม่บูชาเรื่องเงินหรือสิ่งของ เพราะคนประเภทหลังนี้จะให้น้ำหนักกับ “ความสัมพันธ์ หรือจิตใจ, มากกว่าสิ่งนอกกาย และทำให้มีความสุขมากกว่าคู่รักวัตถุนิยมประมาณ 10-15%
3. ไม่ยอมรับ “ความขัดแย้งเรื่องพฤติกรรมการใช้จ่าย” ผลสำรวจ ํ ตรงกันของ University of Pennsylvania, University of Michigan และ Northwestern University ก็คือสามี ภรรยา เห็นต่างกันเรื่องการใช้จ่ายมักไม่มีความสุขในชีวิตสมรถ และ Utah State University ยังชี้ให้เห็นด้วยว่า ถ้าใครคนใดคนหนึ่งคิดว่าคู่ของต้นใช้เงินแบบไม่ฉลาดเอสเสียเลย เท่ากับเป็นการส่งสัญณานอันตราย ถึงโอกาสในการ “หย่าร้าง” มากถึง 45%
4. ไม่ตกลงกันว่าจะจัดสรรเงินยังไงไม่ว่าจะแยกประเป๋า รวมกัน หรือแยกด้วยรวมด้วย ก็ไม่ใช่สาระสำคัญ “วางแผนการเงินชีวิตดี” ไว้อย่างดีเพราะ หากเราหรือคนรักเป็นคนขี้สงสัย (โดยเฉพาะเรื่องเงิน ) ว่า เอ….ได้เงินมาเท่าไหร่น้า? บอกเราหมดรึเปล่า? แอบใช้จ่ายอะไรไม่จำเป็นบ้างมั้ย ? การแยกกระเป๋าอาจจะไม่ใช่ วิธีเหมาะสม กับครอบครัวของเรา ตรงกันข้าม การรวมเงินไว้ในกระเป๋าเดียวกัน อาจ เพิ่มความสบายใจกับครอบครัว ครอบครัวของเรา ตรงกนข้าม…การรวมเงินไว้ในกระเป๋าเดียวกันอาจเพิ่มความสบายใจ คลายขอสงสัยได้มากกว่า
5. ก่อหนี้…มากเกินไป 76% ของคนอเมริกันยอมรับ ว่าเงินแหละ คือต้นต่อของความเครียดในชีวิตของพวกเขา และคงไม่มีความเครียดเรืองไหน ที่น่าเป็นห่วงมากไปกว่าเรื่อง “เงิน” โดยเฉพาะบรรดาหนี้ดอกเบี้ยสูง จนเข้ามาบงการชีวิตรักของเราหรือของคนอเมริกันยอมรับ ว่า “เงิน” นี้แหละ คือต้นตอของความเครียดในชีวิตของพวกเขา
ติดตาม อีก 5 ข้อ ในบทต่อไป (ตอนที่ 2)
http://www.set.or.th/dat/vdoArticle/attachFile/AttachFile_1444878332990.pdf